สำนักงานบัญชี รับทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี วางระบบบัญชี กรุงเทพ นนทบุรี โดย CPA : 091-830-3543|@beeaccountant
เราจำเป็นต้องเสียภาษีในการนำเข้าสินค้ามายังประเทศไทย เนื่องจากเหตุผลหลัก 3 ประการ ดังนี้
1. เพื่อนำเงินเข้ารัฐ
ภาษีศุลกากรเป็นรายได้ที่สำคัญของรัฐ โดยรัฐสามารถนำเงินภาษีไปใช้เพื่อพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา สาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
2. เพื่อปกป้องผู้ผลิตในประเทศ
ภาษีศุลกากรสามารถช่วยปกป้องผู้ผลิตในประเทศจากการแข่งขันจากสินค้านำเข้า โดยการตั้งอัตราภาษีศุลกากรที่สูงสำหรับสินค้านำเข้าที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าสินค้าในประเทศ
3. เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ภาษีศุลกากรสามารถช่วยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยการควบคุมปริมาณสินค้านำเข้าไม่ให้มากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศและก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ เช่น การขาดแคลนสินค้า
นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอื่นๆ ในการเก็บภาษีศุลกากร เช่น
อัตราภาษีศุลกากรของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป โดยประเทศต่างๆ จะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรตามนโยบายของตน เช่น ประเทศที่ต้องการให้สินค้านำเข้ามีราคาถูกจะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรที่ต่ำ ส่วนประเทศที่ต้องการให้สินค้านำเข้ามีราคาแพงจะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรที่สูง
สำหรับประเทศไทย อัตราภาษีศุลกากรจะแตกต่างกันไปตามประเภทของสินค้า โดยสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตจะมีอัตราภาษีศุลกากรที่ต่ำ ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยจะมีอัตราภาษีศุลกากรที่สูง
ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการนำสินค้าเข้ามาประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการค้าขายระหว่างประเทศอย่างคึกคัก ส่งผลให้มีสินค้านำเข้าเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก สินค้านำเข้าเหล่านี้จะต้องเสียภาษีต่างๆ ตามกฎหมายกำหนด ซึ่งภาษีที่เกี่ยวข้องกับการนำสินค้าเข้ามาประเทศไทย มีดังนี้
1. อากรขาเข้า
อากรขาเข้า คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าตามพิกัดอัตราศุลกากร อัตราอากรขาเข้าจะแตกต่างกันไปตามประเภทของสินค้า โดยสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตจะมีอัตราอากรขาเข้าที่ต่ำ ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยจะมีอัตราอากรขาเข้าที่สูง
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ภาษีที่จัดเก็บจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการ โดยผู้ประกอบการนำเข้าจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของมูลค่าสินค้านำเข้า
3. ภาษีสรรพสามิต
ภาษีสรรพสามิต คือ ภาษีที่จัดเก็บจากสินค้าที่มีมูลค่าสูงหรือสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต โดยผู้ประกอบการนำเข้าจะต้องเสียภาษีสรรพสามิตตามอัตราที่กำหนดไว้สำหรับสินค้าแต่ละประเภท
4. ภาษีศุลกากรอื่นๆ
นอกจากอากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตแล้ว ยังมีภาษีศุลกากรอื่นๆ ที่ต้องเสีย เช่น
อัตราภาษีศุลกากร
อัตราภาษีศุลกากรของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป โดยประเทศต่างๆ จะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรตามนโยบายของตน เช่น ประเทศที่ต้องการให้สินค้านำเข้ามีราคาถูกจะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรที่ต่ำ ส่วนประเทศที่ต้องการให้สินค้านำเข้ามีราคาแพงจะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรที่สูง
การคำนวณภาษีศุลกากร
การคำนวณภาษีศุลกากร สามารถทำได้ดังนี้
ภาษีศุลกากร = อัตราภาษีศุลกากร * มูลค่าสินค้านำเข้า
ตัวอย่างการคำนวณภาษีศุลกากร
สมมติว่า ผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าจากต่างประเทศ มูลค่าสินค้านำเข้า 100,000 บาท อัตราภาษีศุลกากร 10%
ภาษีศุลกากร = 10% * 100,000 = 10,000 บาท
ดังนั้น ผู้ประกอบการนำเข้าจะต้องเสียภาษีศุลกากร 10,000 บาท
เอกสารที่ต้องใช้ในการนำเข้าสินค้า
ในการนำเข้าสินค้า ผู้ประกอบการจะต้องเตรียมเอกสารต่างๆ ดังนี้
การเสียภาษีศุลกากร
ผู้ประกอบการนำเข้าจะต้องเสียภาษีศุลกากรภายใน 30 วัน นับจากวันแรกที่สินค้านำเข้ามาถึงประเทศไทย โดยสามารถเสียภาษีศุลกากรได้ที่สำนักงานศุลกากรที่สินค้านำเข้าเข้ามา
การขอคืนภาษีศุลกากร
ผู้ประกอบการนำเข้าสามารถขอคืนภาษีศุลกากรได้ในกรณีต่อไปนี้
การขอคืนภาษีศุลกากร สามารถทำได้โดยยื่นคำขอคืนภาษีศุลกากรต่อสำนักงานศุลกากรที่สินค้านำเข้าเข้ามา โดยต้องแนบเอกสารประกอบการพิจารณา เช่น ใบขนสินค้าขาเข้า ใบรับรองการทำลายสินค้า เป็นต้น
สรุป
ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการนำสินค้าเข้ามาประเทศไทย มีดังนี้ อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต และภาษีศุลกากรอื่นๆ โดยอัตราภาษีศุลกากรจะแตกต่างกันไปตามประเภทของสินค้าและนโยบายของรัฐบาล ผู้ประกอบการนำเข้าจะต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและเตรียมเอกสารต่างๆ ให้ครบถ้วน เพื่อให้สามารถเสียภาษีได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
เอกสารฟอร์ม E หรือหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) เป็นเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานของประเทศผู้ส่งออก เพื่อรับรองว่าสินค้านั้นผลิตหรือนำขึ้นยานพาหนะในเขตการค้าเสรี อาเซียน-จีน (ASEAN-China Free Trade Area: ACFTA) เอกสารฟอร์ม E มีความสำคัญในการนำเข้าสินค้าจากประเทศสมาชิก ACFTA เนื่องจากสามารถใช้เป็นหลักฐานในการขอลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีศุลกากร
เอกสารฟอร์ม E จะต้องจัดทำขึ้นตามแบบที่กำหนด โดยระบุข้อมูลต่างๆ ดังนี้
เอกสารฟอร์ม E มีอายุ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ออกเอกสาร
การขอรับเอกสารฟอร์ม E ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอได้ที่หน่วยงานของประเทศผู้ส่งออก โดยต้องแนบเอกสารประกอบการพิจารณา เช่น ใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบบรรจุหีบห่อ เป็นต้น
ตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากเอกสารฟอร์ม E
ผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าจากประเทศสมาชิก ACFTA สามารถนำเอกสารฟอร์ม E ไปใช้ขอลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีศุลกากรได้ โดยอัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดในเขต ACFTA จะต่ำกว่าสินค้าที่ไม่มีถิ่นกำเนิดในเขต ACFTA ตัวอย่างเช่น อัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าประเภทเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มีถิ่นกำเนิดในเขต ACFTA จะอยู่ที่ 0% ในขณะที่อัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าประเภทเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ไม่มีถิ่นกำเนิดในเขต ACFTA จะอยู่ที่ 20%
นอกจากนี้ เอกสารฟอร์ม E ยังสามารถใช้ขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอื่นๆ เช่น การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม การคืนภาษีสรรพสามิต เป็นต้น
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ยอมรับทั้งหมดประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้